กระบวนการการใช้ Gammaknife ในการรักษาโรค

Gammaknife เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้รังสี Gamma เพื่อรักษาโรค โดยที่ไม่ต้องผ่าตัดเปิดผ่านผิวหนังหรือใช้ยาเคมี เครื่องมือนี้สามารถใช้รักษาโรคที่มีอยู่ในสมองหรือบาดทะเลือนอื่นๆในร่างกายได้ เช่น โรคมะเร็งสมอง เนื้องอกสมอง และก้อนเนื้องอกในส่วนต่างๆของร่างกาย กระบวนการการใช้ Gammaknife นั้นใช้แสงรังสี Gamma ที่มีความเข้มสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งหรือเซลล์ที่ผิดปกติโดยเฉพาะ โดยแสงรังสีจะเป็นเส้นตรงและมีพลังงานสูงพอที่จะทำลายเซลล์เหล่านี้ได้

กระบวนการการใช้ Gammaknife นั้นมีขั้นตอนการรักษาที่แบ่งเป็น 2 ขั้นตอนหลัก ได้แก่

การวางแผนการรักษา: ทีมแพทย์จะทำการวางแผนการรักษาโดยใช้รูปภาพทางการแพทย์และการสแกนของร่างกาย เพื่อคำนวณและกำหนดจุดที่ต้องการให้เครื่องมือ Gammaknife ส่งแสงรังสี Gamma ไปยังจุดนั้นๆ

การรักษา: เมื่อได้รับแผนการรักษาแล้ว ทีมแพทย์จะนำผู้ป่วยเข้าสู่ห้องรักษา และวางผู้ป่วยบนเตียงเพื่อเป็นพื้นที่ที่จะทำการรักษา จากนั้นเครื่อง Gammaknife จะเริ่มทำการส่งแสงรังสี Gamma ไปยังจุดที่ได้วางแผนไว้ โดยเครื่องจะเลื่อนหัวปรับส่วนที่ส่งแสงรังสีให้ตรงกับจุดที่ต้องการ และส่งแสงรังสี Gamma เข้าสู่ผู้ป่วยผ่านหน้าที่ต้องการรักษา โดยทั่วไปจะไม่มีการใช้ยากลุ่มเต็มรูปแบบในการรักษา เพราะเครื่องมือ Gammaknife สามารถแบ่งแยกเนื้อเยื่อที่ผิดปกติและเนื้อเยื่อปกติได้อย่างแม่นยำ

หลังจากการรักษาเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ป่วยจะต้องรอเวลาให้เนื้อเยื่อที่ถูกทำลายดังกล่าวแทนที่ด้วยเนื้อเยื่อใหม่ และต้องมีการติดตามเนื้อเยื่อและการตรวจสอบผลของการรักษาเป็นประจำ โดยทั่วไปแล้วผลการรักษาจะต้องการเวลาประมาณ 3-6 เดือนในการตรวจสอบว่าการรักษาได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่

แม้ว่า Gammaknife จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาโรค แต่ยังมีความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ และอาเจียน ในกรณีที่เกิดผลข้างเคียง ผู้ป่วยควรติดต่อทีมแพทย์ทันทีเพื่อรับการดูแลและการรักษาที่เหมาะสม

Comments are disabled.